วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ความเป็นมาในเรื่องของน้ำตกที่เกียวกับ น้ำตกทรายขาว

แวลีเมาะ ปูซู
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา

กิจกรรม “วิ่งป่าตานี จักรยานเสือภูเขา พิชิตยอดเขาสันกาลาคีรี ครั้งที่ 4” เมื่อต้นเดือนสิงหาฯที่ผ่านมา นอกจากจะส่งผลกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้คึกคักยิ่งขึ้น พร้อมสร้างภาพลักษณ์เรียกความเชื่อมั่นว่า "ชายแดนใต้ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด" แล้ว อีกหนึ่งผลพวงที่ปรากฏตามมาก็คือ ความประทับใจที่ผู้มาเยือนมีต่อ "น้ำตกทรายขาว" และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติบนเทือกเขาสันกาลาคีรี
          จะว่าไป "น้ำตกทรายขาว" ก็เป็นน้ำตกเลื่องชื่อของปัตตานีอยู่แล้ว แต่คนนอกพื้นที่อาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนัก ประกอบกับข่าวสารความรุนแรง ทำให้ใครต่อใครพากัน "แหยง" ที่จะแบกเป้ล่องใต้มาถึงสามจังหวัดชายแดน
          เหตุนี้ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี จึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทรายขาว อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว และชุมชนท่องเที่ยวทรายขาว จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น โดยไฮไลท์ของงานคือการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา การวิ่ง-เดินป่าหาอาร์ซี การวิ่งป่ามินิมาราธอนพิชิตเทือกเขาสันกาลาคีรี และนั่งรถจิ๊บชมสวน ชิมผลไม้ตลอดทางตามแหล่งท่องเที่ยวด้วย
          กิจกรรม “วิ่งป่าตานีฯ ครั้งที่ 4" ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2547 และจัดต่อเนื่องมาอีกรวม 3 ครั้งจนถึงปี 2549 จากนั้นก็หยุดชะงักไปเพราะปัญหาความรุนแรง และกลับมาเริ่มใหม่ในปีนี้
          นางศิรวี วาเล๊าะ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบ ทำให้ความคึกคักด้านการท่องเที่ยวลดลงไป เราจึงพยายามใช้ความโดดเด่นของชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งได้รับรางวัลดีเด่นด้านการท่องเที่ยวของชุมชน เมื่อปี 2550 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มาเป็นจุดขาย โดยชุมชนทรายขาวมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ วัดทรายขาว มัสยิดโบราณ และอุทยานแห่งชาติซึ่งมีทะเลหมอกสวยงาม
          และนี่เองคือที่มาของการเลือกอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวเป็นสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งผลที่ได้รับก็เกินคุ้ม โดยเฉพาะ "น้ำตกทรายขาว" ที่ติดตาตรึงใจทั้งนักปั่นและนักวิ่งกว่า 5,000 คนที่ได้มาเยือน

สำรวจน้ำตกทรายขาว
          น้ำตกทรายขาวและพื้นที่ป่าโดยรอบเพิ่งจะประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ และป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาสันกาลาคีรีใน 3 จังหวัด คือ ต.ป่าบอน ต.ทรายขาว ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา และ ต.บ้านโหนด ต.เปียน ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
          น้ำตกทรายขาวเดิมชาวบ้านเรียกว่า “น้ำตกกะโถน” ค้นพบโดย พระครูศรีรัตนากร (ท่านศรีแก้ว) อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว เมื่อประมาณปี พ.ศ.2475 และท่านได้ชักชวนราษฎรให้ช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์น้ำตกทรายขาว ต่อมาน้ำตกแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนาเป็นลำดับ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานป่าไม้เขตปัตตานี (กรมป่าไม้) กระทั่งปี พ.ศ.2530 กรมป่าไม้จึงให้เจ้าหน้าที่สำรวจเพื่อเตรียมการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ
          ปัจจุบัน "น้ำตกทรายขาว" เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว มีน้ำตกไหลมาจากยอดเขานางจันทร์บนเทือกเขาสันกาลาคีรี มีผาน้ำตกสูง 40 เมตร ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ ตลอดเส้นทางมีพันธุ์ไม้นานาชนิด มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึง 68,750 ไร่
          สภาพโดยทั่วไปของอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวเป็นป่าดิบชื้น ประกอบด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด เป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญของ จ.ปัตตานี ยะลา และสงขลา ซึ่งประชาชนได้อาศัยประโยชน์จากน้ำเพื่อการกสิกรรม อุปโภค และบริโภค
          ที่น่าปลาบปลื้มที่สุดก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เคยเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมน้ำตกแห่งนี้ และทรงปลูกต้นไม้ไว้เป็นที่ระลึก เมื่อปี พ.ศ.2518, 2528 และ 2533 ด้วย

ความลงตัวของธรรมชาติ
          นายมะแอ เจะโด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว เล่าให้ฟังว่า ยอดเขาสันกาลาคีรีเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกทรายขาว เป็นจุดที่กั้นเขตแดนระหว่าง จ.ปัตตานี กับ จ.ยะลา และสงขลา น้ำตกทรายขาวมีทั้งหมด 10 ชั้น มีผาน้ำตกสูงถึง 40 เมตร ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกโพงโพง น้ำตกอรัญวาริน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
          “ป่าแถบนี้เป็นป่าดิบชื้น มีน้ำตกสวยงาม ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติลงตัว สภาพทางภูมิศาสตร์ก็มีความเหมาะสม ข้างบนสุดมีผลไม้มากมายที่เรียกกันว่าสวนผสม ซึ่งชุมชนทรายขาวร่วมกันปลูก พื้นที่นี้ชาวบ้านไทยพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีความขัดแย้ง"
          นายมะแอ กล่าวด้วยว่า น้ำตกทรายขาวได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการ มีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมและพักผ่อน เพื่อเป็นการบำรุงสถานที่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตัวเลขนักท่องเที่ยว เพราะกลับพบว่ามีผู้คนทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ตลอดจนชาวต่างชาติมาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย
          “คนมาเที่ยวกันเยอะ ทางอุทยานฯก็มีความภาคภูมิใจ ทุกวันนี้พื้นที่น้ำตกไม่เพียงพอกับนักท่องเที่ยวแล้ว ที่สำคัญคือตัวนักท่องเที่ยวเอง เราได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพราะการเข้าชมแต่ละครั้งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย เด็กวัยรุ่นที่มาจึงมาเที่ยวและพักผ่อนจริงๆ ไม่ใช่จะมาสร้างความรำคาญเหมือนแต่ก่อน” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ระบุ

เขตปลอดความขัดแย้ง
          ขณะที่ นายสมาน ศรีปูเตะ หรือ “กำนันสมาน” ประธานชุมชนท่องเที่ยวตำบลทรายขาว บอกว่า ในความเลวร้ายที่ได้ยินจากข่าวสถานการณ์ความรุนแรงไม่เว้นแต่ละวันในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น น้ำตกทรายขาวถือเป็นข้อยกเว้น 
          "จุดเด่นของชุมชนทรายขาวคือวัฒนธรรมท้องถิ่นดั้งเดิม มีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง และความสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชน ที่ทรายขาวมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ คือมัสยิดโบราณอายุ 380 ปี ชื่อว่ามัสยิดบาโงลางา มีวัดทรายขาว และน้ำตกทรายขาว นอกจากนั้นกลุ่มแม่บ้านที่นี่ยังผลิตสินค้าโอทอป ทั้งยังอยู่กันได้อย่างสงบสุขโดยไม่มีความขัดแย้งระหว่างศาสนาด้วย" กำนันสมาน กล่าว และว่า
          "ความรุนแรงในพื้นที่ทรายขาวไม่มี ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการสร้างสถานการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกวันนี้ชุมชนทรายขาวยังมีกลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวกันผลิตกล้วยเส้นขายเป็นสินค้าโอทอป มีการผลิตผ้าทอลายจวนตานีที่ถูกใจนักท่องเที่ยว ที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างไทยพุทธกับมุสลิมดีมาก ทุกคนอยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง เวลามีงานของฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็จะมาช่วยกัน สมัยก่อนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ พวกเราอยู่กันอย่างไร ตอนนี้พวกเราก็ยังอยู่กันอย่างนั้น”
          กำนันสมาน กล่าวด้วยว่า การที่น้ำตกทรายขาวได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ชุมชนทรายขาวมีคนมาเที่ยวและรู้จักเยอะขึ้น ชาวบ้านก็พลอยมีรายได้เพิ่มขึ้นไปด้วย ยิ่งมีการจัดกิจกรรมวิ่งป่าฯด้วยแล้ว ต่อไปน้ำตกทรายขาวและชุมชนทรายขาวจะต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างแน่นอน
          วันนี้ได้ไปสัมผัสน้ำใสไหลเย็นที่น้ำตกทรายขาว และฝากรอยเท้าไว้ที่เทือกเขาสันกาลาคีรีแล้วหรือยัง?

-----------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 กับ 3 ทะเลหมอกบนเทือกเขาสันกาลาคีรี ต้นน้ำของน้ำตกทรายขาว
2 ความสวยงามในระดับตรึงใจของน้ำตกชื่อดังแห่งปัตตานี

อุทยานแห่งชาติ น้ำตกทรายขาว จังหวัด ปัตตานี


                                                   อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว




ประวัติความเป็นมาของอุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว
          อุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง คือ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 3 แห่ง คือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาใหญ่ จังหวัดปัตตานี ในเขตอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาใหญ่ จังหวัดยะลา ในเขตอำเภอเมือง และอำเภอยะหา จังหวัดยะลา และอุทยานแห่งชาติเขาสันกาลาคีรี ในเขตอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มีเนื้อที่จากการสำรวจครั้งแรกประมาณ 110 ตารางกิโลเมตร หรือ 68,756 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติเตรียมการประกาศจัดตั้งโดยได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและเลขาธิการรัฐมนตรีแจ้งให้พิมพ์แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2541
ได้มีกลุ่มราษฎรในท้องที่ตำบล ลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ชุมนุมคัดค้านการประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว เนื่องจากพื้นที่เตรียมการดั้งกล่าวบางส่วนทับซ้อนพื้นที่ทำกินของราษฎรและได้ทำการสำรวจรังวัดแนวเขตปรับปรุงใหม่โดยส่วนวิศวกรรมป่าไม้ กรมป่าไม้แล้ว ขณะนี้ข้อมูลดังกล่าวได้จัดส่งให้สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อเดือนมกราคม 2546 เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว
มีเนื้อที่ 68,750 ไร่ หรือ 110 ตารางกิโลเมตร คลอบคลุม 3 จังหวัด
ทิศเหนือ จรด ตำบลป่าบอน
,ตำบลทรายขาว และตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
ทิศใต้ จรด ตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ทิศตะวันออก จรด ตำบลทุ่งพลา
,ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี และ ตำบลลำพะเยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
ทิศตะวันตก จรด ตำบลบ้านโหนด
, ตำบลเปียน, ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา, ตำบลช้างให้ตก อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
                                               
         อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว เนื้อที่ทั้งหมดอยู่บริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี เขตติอต่อกันเป็นยอกเขานางจันทร์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด พื้นที่จะเป็นพื้นที่เนินเขา เป็นดินปนทราย เป็นต้นกำเนิดของห้วยหลายห้วยด้วยกัน เช่น วยทรายขาว ห้วยโผงโผง ห้วยบอน ห้วยแกแดะ ห้วยลำหยัง ห้วยคลองเรือ ห้วยต้นตะเคียน ห้วยลำชิง ห้วยลำพะยา ฯลฯ ซึ่งลำห้วยลำธารเหล่านี้จะไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำเทพา เราเดินเข้าไปในอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว จะสดชื่นมาก เพราะสภาพพืนที่ปกคลุมไปด้วยต้นไปนานาชนิด ลักษณะเป็นป่าดิบชื่น ที่เข้าไปแล้วเราจะเห็น ก็มีพวก ยาง สยา กระบาก กาลอ ไข่เขียว แน่ ๆ ไม่รุ้จักกันละซิ เราก็ไม่ค่อยรุ้จักเหมือนกัน ดีนะ พี่ๆ เขารุ้กัน ที่ขาดไม่ได้เลยในป่าก็คือ เถาวัลย์นี้เอง อากาศสดชื่นมาก
ไปที่นี้รับรองได้รับโอโซน ไปเต็มๆ สูดอากาศได้เต็มปอด ไม่เหมือนในเมือง สัตว์ป่าที่เราสามารถพบและมองเห็นได้ ก็มีพวก หมูป่า เก้ง กระจง ลิง ชะนี อีเห็น นกขุนทอง อันนี้ไม่เคยเห็น เห็นที่นี้แหละ มีกุ้ง ปูตัวเล็ก ปลาเล็ปลาน้อยอาศัยอยุ่ เพราะมีลำธารอยุ่ น้ำใสและเย็นมาก ถ้าใครไปแล้วกลัวไม่มีที่นอนเพราะเห็นเป็นป่าเขา ไม่ต้องกลัวที่นี้มีที่พักมีบ้านพัก 2 หลัง พักได้ทั้งหมด 20 คน มีค่ายพักแรมไว้คอยบริการ 1 แห่ง สามารถพักได้ทั้งหมด 50 คน สถานที่กางเต้นท์ให้ 1 แห่ง สามารถพักได้ 100 คน
  เป็นไงละ ร้านอาหารก็มีเยอะ อร่อย ๆ ทั้งนั้น ไปแล้วเชื่อได้ว่าคุณจะต้องกับไปอีกแน่นอน
                              
ประวัติความเป็นมาของอุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว
          อุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง คือ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 3 แห่ง คือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาใหญ่ จังหวัดปัตตานี ในเขตอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาใหญ่ จังหวัดยะลา ในเขตอำเภอเมือง และอำเภอยะหา จังหวัดยะลา และอุทยานแห่งชาติเขาสันกาลาคีรี ในเขตอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มีเนื้อที่จากการสำรวจครั้งแรกประมาณ 110 ตารางกิโลเมตร หรือ 68,756 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติเตรียมการประกาศจัดตั้งโดยได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและเลขาธิการรัฐมนตรีแจ้งให้พิมพ์แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2541
ได้มีกลุ่มราษฎรในท้องที่ตำบล ลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ชุมนุมคัดค้านการประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว เนื่องจากพื้นที่เตรียมการดั้งกล่าวบางส่วนทับซ้อนพื้นที่ทำกินของราษฎรและได้ทำการสำรวจรังวัดแนวเขตปรับปรุงใหม่โดยส่วนวิศวกรรมป่าไม้ กรมป่าไม้แล้ว ขณะนี้ข้อมูลดังกล่าวได้จัดส่งให้สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อเดือนมกราคม 2546 เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว
มีเนื้อที่ 68,750 ไร่ หรือ 110 ตารางกิโลเมตร คลอบคลุม 3 จังหวัด
ทิศเหนือ จรด ตำบลป่าบอน
,ตำบลทรายขาว และตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
ทิศใต้ จรด ตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ทิศตะวันออก จรด ตำบลทุ่งพลา
,ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี และ ตำบลลำพะเยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
ทิศตะวันตก จรด ตำบลบ้านโหนด
, ตำบลเปียน, ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา, ตำบลช้างให้ตก อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
                                                      
         อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว เนื้อที่ทั้งหมดอยู่บริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี เขตติอต่อกันเป็นยอกเขานางจันทร์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด พื้นที่จะเป็นพื้นที่เนินเขา เป็นดินปนทราย เป็นต้นกำเนิดของห้วยหลายห้วยด้วยกัน เช่น วยทรายขาว ห้วยโผงโผง ห้วยบอน ห้วยแกแดะ ห้วยลำหยัง ห้วยคลองเรือ ห้วยต้นตะเคียน ห้วยลำชิง ห้วยลำพะยา ฯลฯ ซึ่งลำห้วยลำธารเหล่านี้จะไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำเทพา เราเดินเข้าไปในอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว จะสดชื่นมาก เพราะสภาพพืนที่ปกคลุมไปด้วยต้นไปนานาชนิด ลักษณะเป็นป่าดิบชื่น ที่เข้าไปแล้วเราจะเห็น ก็มีพวก ยาง สยา กระบาก กาลอ ไข่เขียว แน่ ๆ ไม่รุ้จักกันละซิ เราก็ไม่ค่อยรุ้จักเหมือนกัน ดีนะ พี่ๆ เขารุ้กัน ที่ขาดไม่ได้เลยในป่าก็คือ เถาวัลย์นี้เอง อากาศสดชื่นมาก
ไปที่นี้รับรองได้รับโอโซน ไปเต็มๆ สูดอากาศได้เต็มปอด ไม่เหมือนในเมือง สัตว์ป่าที่เราสามารถพบและมองเห็นได้ ก็มีพวก หมูป่า เก้ง กระจง ลิง ชะนี อีเห็น นกขุนทอง อันนี้ไม่เคยเห็น เห็นที่นี้แหละ มีกุ้ง ปูตัวเล็ก ปลาเล็ปลาน้อยอาศัยอยุ่ เพราะมีลำธารอยุ่ น้ำใสและเย็นมาก ถ้าใครไปแล้วกลัวไม่มีที่นอนเพราะเห็นเป็นป่าเขา ไม่ต้องกลัวที่นี้มีที่พักมีบ้านพัก 2 หลัง พักได้ทั้งหมด 20 คน มีค่ายพักแรมไว้คอยบริการ 1 แห่ง สามารถพักได้ทั้งหมด 50 คน สถานที่กางเต้นท์ให้ 1 แห่ง สามารถพักได้ 100 คน
  เป็นไงละ ร้านอาหารก็มีเยอะ อร่อย ๆ ทั้งนั้น ไปแล้วเชื่อได้ว่าคุณจะต้องกับไปอีกแน่นอน

เรามาดูรูปสวย ที่อุทยานแห่งชาติ น้ำตกทรายขาวกันดีกว่า

รูปภาพ น้ำตก รูปน้ำตก จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สวยมากมาย       รูปภาพ น้ำตก รูปน้ำตก จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สวยมากมาย   รูปภาพ น้ำตก รูปน้ำตก จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สวยมากมาย



รูปภาพ น้ำตก รูปน้ำตก จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สวยมากมาย       รูปภาพ น้ำตก รูปน้ำตก จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สวยมากมาย    รูปภาพ น้ำตก รูปน้ำตก จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สวยมากมาย



เป็นยังกันบ้างค่ะดูรู้แล้ว เป็นไงกันบ้างค่ะ มาเที่ยวอุทยานแห่งชาคิกันให้เยอะเลยนะค่ะ 

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประวัติ อุทยานแห่งชาติ น้ำตกทรายขาว










ชื่อเล่นชื่อนะห์

ศึกษาอยู่ที่  มหาวิทยาลัยราชภัฎ ยะลา ปีที่ 1

โปรแกรม วิชา วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม

โดยส่วนตัวแล้วดิฉันชอบ      อะไรที่เกียวกับสิ่งแวดล้อม มากเลย เพราะเหตุผลนี้แหละ ที่ดิฉันเลยเลือกเรียน สาขานี้       และวันนี้ ดิฉันก็มีข้อมูล เล็กๆ น้อย ๆ ที่เกียวกับสิ่งแวดล้อมมาฝาก เป็นเรื่องเกียวกับสถานที่ ท่องเที่ยวนะค่ะ นั้นก็คือ

                    ประวัติความเป็นมาของอุยานแห่งชาติ  น้ำตกทรายขาว


  • ที่ตั้งและอาณาเขต



  • มีเนื้อที่ 68,750 ไร่ หรือ 110 ตารางกิโลเมตร

    ทิศเหนือ จรด ตำบลป่าบอน,ตำบลทรายขาว และตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
    ทิศใต้ จรด ตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
    ทิศตะวันออก จรด ตำบลทุ่งพลา,ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี และ ตำบลลำพะเยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
    ทิศตะวันตก จรด ตำบลบ้านโหนด, ตำบลเปียน, ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา, ตำบลช้างให้ตก อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

     ประวัติ

    นํ้าตกทรายขาวเดิมชาวบ้านเรียกว่า “นํ้าตกกระโถน “ มีต้นกำเนิดจากยอดเขาแม่นางจันทร์ บนเทือกเขาสันกาลาคีรี เป็นนํ้าตกที่ตกจากหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร ความยาวประมาณ 700 เมตรสองข้างลำธารมีต้นไม้ปกคลุมด้วยป่าดิบชื้นที่อุดมสมบรูณ์อันเป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วยลำธารที่ไหลลงสู่แม่นํ้าเทพามีเนื้อที 750 ไร่ หรือ 1.15 ตารางกิโลเมตร
    จากการบอกเล่าของราษฏรที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้เล่าว่า พระครูศรีรัตนากร ( ท่านศรีแก้ว ) เจ้าอาวาสวัดทรายขาวเป็นผู้ค้นพบนํ้าตกแห่งนี้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2475 หลังจากนั้นท่านได้ขอความร่วมมือให้ราษฏรสละแรงงานในการก่อสร้างศาลา บันไดเหล็กและจัดทำถนนขึ้นไปยังนํ้าตก เพื่อให้ประชาชนได้พักผ่อนและชมทิวทัศน์ความสวยงามของนํ้าตกแห่งนี้
    หลังจากนั้น ยังได้ปรับปรุงและทำถนนจากตลาดนาประดู่ไปยังนํ้าตกทรายขาวเป็นถนนดิน เมื่อปี พ.ศ. 2479 ทำให้นํ้าตกแห่งนี้มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบันและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและประชาชนมากยิ่งขึ้น
    อุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง คือ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 3 แห่ง คือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาใหญ่ จังหวัดปัตตานี ในเขตอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาใหญ่ จังหวัดยะลา ในเขตอำเภอเมือง และอำเภอยะหา จังหวัดยะลา และอุทยานแห่งชาติเขาสันกาลาคีรี ในเขตอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มีเนื้อที่จากการสำรวจครั้งแรกประมาณ 110 ตารางกิโลเมตร หรือ 68,756 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติเตรียมการประกาศจัดตั้งโดยได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและเลขาธิการรัฐมนตรีแจ้งให้พิมพ์แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2541
    ได้มีกลุ่มราษฎรในท้องที่ตำบล ลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ชุมนุมคัดค้านการประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาตินํ้าตกทรายขาว เนื่องจากพื้นที่เตรียมการดั้งกล่าวบางส่วนทับซ้อนพื้นที่ทำกินของราษฎรและได้ทำการสำรวจรังวัดแนวเขตปรับปรุงใหม่โดยส่วนวิศวกรรมป่าไม้ กรมป่าไม้แล้ว ขณะนี้ข้อมูลดังกล่าวได้จัดส่งให้สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อเดือนมกราคม 2546 เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้วสภาพทั่วไป
    พื้นที่บริเวณที่ทำการสำรวจใหม่ในครั้งนี้อยู่พื้นที่ป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเดิมทั้งสามแห่ง มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาและที่ราบบางส่วนหินเป็นหินแกรนิตและหินปูน ดินเป็นดินเหนียวปนทราย ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ทรายสูงประกอบกับอยู่บนที่สูงจึงมีความชื้นมาก ฝนตกและอากาศเย็นสบายตลอดปีทำให้สภาพพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ยาง สยา กระบาก หลุมพอ ตะเคียนทอง เป็นต้น สัตว์ท้องถิ่น ได้แก่ เลียงผา หมูป่า เก้ง เม่น เป็นต้น

    การเดินทาง

    อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ประมาณ 1,120 กิโลเมตร หรือ โดยทางรถไฟประมาณ 1,009 กิโลเมตร ระยะทางจากจังหวัดปัตตานี ถึงอำเภอโคกโพธิ์ ระยะทาง 26 กิโลเมตร และระยะทางจากอำเภอโคกโพธิ์ ถึงสำนักงานอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ระยะทาง 7 กิโลเมตร สภาพถนนเป็นถนนลาดยางตลอดเส้นทาง สถานที่ติดต่อ
    อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว มีบ้านพัก 2 หลัง พักได้ทั้งหมด 20 คน มีค่ายพักแรมไว้คอยบริการ 1 แห่ง สามารถพักได้ทั้งหมด 50 คน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการกางเต้นท์พักแรม ทางอุทยานฯ ได้จัด สถานที่กางเต้นท์ให้ 1 แห่ง สามารถพักได้ 100 คน พร้อมทั้งร้านอาหาร และสวัสดิการต่างๆ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ติดต่อได้ที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี 94120 หรือติดต่อสอบถามได้ ที่งานบริการบ้านพัก ฝ่ายนันทนาการและสื่อความหมาย ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ

    วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

    อุทยาแห่งชาติน้ำตกทรายขาว

                                    ข้อมูลพื้นฐานอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว

    1. ความเป็นมาของอุทยานแห่งชาติ
    น้ำตกทรายขาว เดิมชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกตะโกน มี
    ต้นน้ำเกิดจากยอดเขานางจันทร์ในทิวเขาทรายขาว เทือกเขาสันกาลา คีรี
    ถูกค้นพบโดยพระครูศรีรัตนากร (ท่านสีแก้ว) เจ้าอาวาสวัดทรายขาว
    เมื่อปี พ.. 2475
    กรมป่าไม้ได้จัดตั้งวนอุทยานน้ำตกทรายขาว โดย
    การรวมวนอุทยานทั้ง 2 แห่ง คือ อุทยานน้ำตกทรายขาว และวน
    อุทยานโผงโผง เข้าด้วยกันและจักตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28
    พฤษภาคม 2551 ประกอบด้วย ป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลป่าบอน
    (ปัจจุบันแยกเป็นตำบลช้างให้ตก) ตำบลทรายขาว ตำบลนาประดู่ ตำบลทุ่งพลา ตำบลปากล่อ อำโคกโพธิ์
    จังหวัดปัตตานี ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา ตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา และ ป่าเทือกเขาสัน
    กาลาคีรี ในท้องที่ตำบลบ้านโหนด ตำบลเปียน ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เนื้อที่
    ประมาณ 43,482.00 ไร่ หรือ 69.57 ตารางกิโลเมตร
    2. แผนแม่บทในการจัดการอุทยานแห่งชาติ
    อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวไม่มีการจัดทำแผนแม่บทในการจัดการอุทยานแห่งชาติ
    3. ลักษณะทางกายภาพ
    ลักษณะภูมิประเทศ
    พื้นที่ทั้งหมดอยู่บริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี ซึ่งเป็นเทือกเขายาวที่สลับซับซ้อนติดต่อกัน
    มียอดเขานางจันทร์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ส่วนใหญ่พื้นที่จะลาดลงไปทางทิศตะวันตก เป็นที่เนินเขา และเป็น
    ที่ราบ
    ลักษณะภูมิอากาศ
    สภาพภูมิอากาศจะมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่าน
    ฤดูฝนอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนมกราคม จะมีฝนตกตลอด แต่จะตกชุกในช่วงเดือนตุลาคม-เดือน
    ธันวาคม และฤดูร้อนจะอยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เดือนเมษายน อากาศจะไม่ร้อนจัดนัก
    สภาพธรณีวิทยา
    ดิน โดยทั่วไป เป็นดินเหนียวปนทราย ซึ่งมีเปอร์เซ็นของทรายสูง
    หิน ส่วนใหญ่เป็นหินปูนและหินแกรนิต
    4. ความสำคัญของพื้นที่
    อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวเป็นต้นกำเนิดของห้วยทรายขาว ห้วยโผงโผง ห้วยบอน
    ห้วยแกแดะ ห้วยลำหยัง ห้วยคลองเรือ ห้วยต้นตะเคียน ห้วยลำชิง และห้วยลำพะยา ซึ่งไหลมารวมกัน
    เป็นแม่น้ำเทพา
    5. ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ ที่ได้จากการศึกษาวิจัยและโดยวิธีการอื่น
    พืชพรรณ
    ป่าดิบชื้น ขึ้นอยู่ในสภาพพื้นที่ที่ดินอุดมสมบูรณ์ทั่วไป ทั้งที่ในที่ราบเชิงเขาและภูเขา
    ชนิดไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ยาง สยา กะบาก หลุมพอ ไข่เขียว สะตอเหรียง หยี ตะเคียนทอง ตะเคียนชันตา
    แมว มังคะ หลันตัน ส่วนไม้พื้นล่างได้แก่ ระกำ หวาย เฟิร์น เถาวัลย์ และกล้วยไม้ ชนิดต่าง ๆ
    ป่าดิบ ขึ้นอยู่ในสภาพพื้นที่ที่มีดินอุดมสมบูรณ์น้อย มีเปอร์เซ็นของทรายสูง ส่วนมาก
    พบในที่ราบ ชนิดไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ยาง ตะเคียนต่าง ๆ ตำเสาและกะบาก เป็นต้น
    สัตว์ป่า
    สัตว์ท้องถิ่น เป็นสัตว์ที่มีอยู่ดั้งเดิมในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ได้แก่เลียงผา
    หมูป่า เก้ง เม่น กระจง ลิง ชะนี อีเห็น กระรอก เป็นต้น
    สัตว์ประเภทสัตว์ปีก เช่น นกชนิดต่างๆ เช่น นกขุนทอง นกกางเขน นกปรอด ต่าง ๆ
    นกเหยี่ยว นกดุเหว่า ฯลฯ อาศัยอยู่ในป่าทั่วไป
    สัตว์น้ำ เช่น ปูหิน ตะพาบน้ำ กุ้ง ปลาชนิดต่าง ๆ อาศัยอยู่ตาม ลำห้วยทั่วไป
    สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ เขียด คางคก คางคกภูเขา (กง) อึ่งกลายหัวแหลม เป็นสัตว์
    ที่หายาก อาศัยอยู่ตามลำห้วย และที่ชื้นแฉะทั่วไป
    สัตว์ป่าประเภทเลื้อยคลาน เช่น งูเหลือม งูเห่า งูกะปะ เต่า ตะกวด กิ่งกาบิน ซึ่ง อาศัยอยู่
    ในป่าทั่วไป
    แหล่งท่องเที่ยว
    น้ำตกทรายขาว น้ำตกทรายขาว เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ตั้งอยู่
    ที่หมู่ที่ 5 ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 40
    เมตร ไหลลดหลั่นจากยอดเขานางจันทร์ ลงตามหุบเขา สู่ที่ราบเบื้องล่างลงมาเป็นชั้น ๆ ซึ่งบางตอนเกิด
    เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่และเป็นหน้าผาสูงชันมองดูสวยงามรวม 10 ชั้น มีทางเท้าคอนกรีตเดินขึ้นถึงตัว
    น้ำตก ระยะทางประมาณ 400 เมตร สองข้างทางลำธารมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมตลอดทางเดินร่มเย็นสบาย
    จุดชมวิวเขาหินช้าง (ยอดเขาหินช้าง) จุดชมวิวเขาหินช้าง (ยอดเขาหินช้าง) เป็นส่วน
    หนึ่ง ของยอดเขานางจันทร์ มีความสูงประมาณ 500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ยอดเขามีลานกว้างประมาณ
    2 ไร่เศษ มีหินสลักพระนามาภิไธยสมเด็จพระศรีนคริน
    ทราบรมราชชนนี และพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
    กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีทางเดินศึกษาธรรมชาติ
    ที่ เมื่ออยู่บนยอดเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพเป็นทิวทัศน์
    ของพื้นที่ราบตอนล่าง และชายทะเลของจังหวัดปัตตานี
    ระยะทางจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงจุดชมวิวเขาหินช้าง
    ระยะทางประมาณ 1,400 เมตร
    ถ้ำวิปัสสนาเขาหินช้าง ถ้ำวิปัสสนาเขาหินช้าง เป็นถ้ำที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปไม้
    แกนลั่นทม คาดว่ามีอายุประมาณ 200 กว่าปี จากการบอกเล่าของชาวบ้านตำบลทรายขาว เล่าว่าหลวงปู่
    ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และอดีตจ้าอาวาสวัดทรายขาว (ท่านอาจารย์นอง) นั่งวิปัสสนา ณ ถ้ำแห่งนี้ ซึ่งถือ
    ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านตำบลทรายขาวและตำบลใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือ
    ยอดเขาสูงสุดสันกาลาคีรี ยอดเขาสูงสุดสันกาลาคีรี เป็นสถานที่หนึ่งที่มีความสวยงาม
    ผู้ไปเยือนจะได้สัมผัสกับธรรมชาติของป่าดิบชื้น และความหลากหลายทางชีวภาพ จุดนี้มีความสูงจาก
    ระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร ใช้เวลาเดินทางเท้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ถึงยอดเขาสันกาลาคีรี
    ประมาณ 5.30 ชั่วโมง (เส้นทางนี้อยู่ในโครงการ ท่องไพรเชิงอนุรักษ์พิชิตยอดเขาสันกาลาคีรี) ซึ่งมี
    จุดเด่นน่าสนใจมากมาย อาทิ ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ หินสลักพระนามาภิไธย หม้อมหัศจรรย์ ซากเครื่อง บินตก
    ฯลฯ
    น้ำตกโผงโผง น้ำตกโผงโผง ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
    เป็นน้ำตกที่เกิดจากยอดเขานางจันทร์ มีความสูงประมาณ 80 กิโลเมตร บริเวณน้ำตกร่มรื่นไปด้วยต้นไม้
    น้อยใหญ่ อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจและตั้งแค้มป์หรือ ค่ายพักแรม
    น้ำตกพระไม้ไผ่ น้ำตกพระไม้ไผ่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านโหนด อำเภอสะบ้าย้อย
    จังหวัดสงขลา เป็นน้ำตกที่เกิดจากต้นน้ำยอดป่าเขาใหญ่ไหลลงสู่ แม่น้ำเทพา มีความสูงประมาณ 40
    เมตร ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ มีความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของอำเภอสะบ้าย้อย
    จังหวัดสงขลา
    น้ำตกอรัญวาริน น้ำตกอรัญวาริน เป็นน้ำตกที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวได้ทำการ
    สำรวจขึ้นในปี พ.. 2529 ซึ่งมีความสวยงามและความเป็น ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เกิดจากสายน้ำที่
    ไหลมาจากยอดเขานาง อยู่ในท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่งพลา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ลักษณะน้ำตก
    แบ่งเป็น 7 ชั้น ไหลคดเคี้ยว และมีแอ่งน้ำอยู่หน้าน้ำตกที่สวยงามมากและร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานา
    ชนิด แต่เป็นน้ำตกที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมได้
    6. สภาพปัญหา
    1) การบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว
    2) เหตุการณ์ก่อการไม่สงบในพื้นที่ เนื่องจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว มีอาณา
    เขตติดต่อกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ต้องอาศัยความระมัดระวังอย่างยิ่งในการปฏิบัติงาน
    7. การศึกษาวิจัยในพื้นที่
    1. การศึกษาวิจัยเรื่อง : การวิจัยและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแบบยั่งยืนใน
    ท้องถิ่น กรณีศึกษาอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว อ. โคกโพธิ์ จ. ปัตตานี
    ผู้วิจัย : นันทรัตน์ นามบุรี
    2. การศึกษาวิจัยเรื่อง ทัศนคติของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลที่มีต่อการประกาศจัดตั้ง
    อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว
    ผู้วิจัย : สมชาย ลาภนิมิตชัย : 2546
    8. วิเคราะห์ภาพรวมเพื่อนำไปสู่การศึกษาวิจัย
    ทรัพยากรธรรมชาติในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวมีความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้
    เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่เพื่อใช้ที่ดินในการทำการเกษตร รวมทั้งปัญหาความไม่สงบ ทำให้อุทยาน
    แห่งชาติมีความยากลำบากในการบริหารจัดการ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา จึงควรมีการศึกษาและวิจัย
    เกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้
    การวิจัยเพื่อการแก้ปัญหา
    - ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงบูรณาการ
    - ด้านการส่งเสริม และสนับสนุนการมีสวนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์
    - ด้านการจัดการท่องเที่ยว
    การวิจัยเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
    - การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ
    - การศึกษาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
    - การปลูกจิตสำนึก และทัศนคติในการอนุรักษ์ระดับท้องถิ่น__